ไวน์ ชิลี Chile 101  “คุณภาพที่เกินราคา”
ไวน์ ชิลี Chile 101 “คุณภาพที่เกินราคา”
หลายท่านคงเคยได้ดื่มไวน์จาก ชิลี มาอย่างแน่นอนน ด้วยราคาที่ถูกแต่คุณภาพนั้นกลับตรงกันข้ามกับราคาอย่างสิ้นเชิง บางตัวถูกกว่าไวน์จากยุโรปเกือบครึ่ง แต่ว่ารสชาตินั้นดียิ่งกว่าก็มี ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นหละ วันนี้เราจึงนำเอาประวัติศาสตร์ของไวน์จากประเทศ ชิลี มาให้ทุกท่านได้ศึกษากัน
'
ที่ตั้ง
'
ตามหลักภูมิศาสตร์โลกแล้ว ตำแหน่งที่ตั้งของชิลีนั้น จัดได้ว่าเป็นประเทศที่ปลูกไวน์ได้ดีมาก เนื่องจากประเทศชีลีนั้น มีอาณาเขตติดกับชาฝั่งแปซิฟิกขออเมริกาใต้เกือบทั้งหมด ตั้งแต่เหนือจดใต้ยาวประมาณ 5,000 กิโลเมตร โดยพื้นที่เพราะปลูกองุ่นที่ภาคกลางตอนล่างของชิลีนั้น มีความยาวมากถึง 2,000 กิโลเมตรเลยด้วยซ้ำ ซึ่งส่งผลให้ชิลีสามารถที่จะผลิตไวน์ออกสู่ตลาดโลกได้มาก โดยมีกำลังผลิตได้มากถึง 600,000-800,000 กิโลลิตร ต่อปีเลยทีเดียว
ชิลีนั้นมีสภาพอากาศที่เหมาะสมกับการปลูกองุ่นมาก โดยมีแสงแดดร้อนถึง 300 วันต่อ 1 ปี และยังได้ความเย็นจากลมของมหาสมุทรแปซิฟิก หลังฤดูฝนก็จะมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนในฤดูหนาว ปลายฤดูใบไม้ผลิจนถึงสิ้นฤดูร้อนเป็นช่วงที่องุ่นเติบโดได้ดี โดยไม่มีฝน อุณหภูมิกลางวันกับกลางคืนก็ต่างันไม่เกิน 10 องศาเซลเซียสส่งผลให้องุ่นสุกได้เร็วขึ้นอีกด้วย
เขตปลูกองุ่นชื่อดังของชิลีนั้นคือ Maipo หรือ ไมโป ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่นั้นเป็นหุบเขา และตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง San Diego จึงทำให้เป็นศูนย์กลางของธุรกิจไวน์ของชิลีได้อย่างดี
'
'
การเริ่มต้น
'
การเริ่มต้นปลูกไวน์ในประเทศชิลีนั้น เริ่มต้นในประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 หลังจากที่ประเทศชิลีนั้นถูกครอบครองโดนสเปน มิชชันนารี หรือผู้เผยแพร่ศาสนาจากสเปนก็ได้นำองุ่นมาปลูกเพื่อผลิตไวน์ไว้เพื่อใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนา จึงยังไม่ค่อยแพร่หลายมากนัก จนกระทั่งในปี 1578 Francis Drake “จ้าวแห่งโจรสลัด” จากประเทศอังกฤษได้วางแผนเดินทางรอบโลก และได้นำองุ่นพันธุ์ยุโรปจำนวน 1,700 ต้นไปปลูกที่ทวีปอเมริกาใต้ และประเทศ ชิลี ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งส่งผลให้ประเทศชิลีนั้นได้ซึมซับและนำกรรมวิธีการปลูกไวน์จากยุโรปมา และเป้นหนึ่งในเขตปลูกองุ่นที่เก่าแก่ที่สุดใน อเมริกาใต้
'
'
ความย้อนแย้ง
'
หลังเวลาผ่านไปเป้นเวลานานจนเข้าช่วงศตวรรษที่ 19 ทั่วโลกได้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่จากเพลี้ยองุ่น ไปทุกที่ทั้งที่ยุโรป อเมริกา อาเจนติน่า แอฟริกาใต้ จนทำให้พืชผลเสียหายเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นวิกฤตเลยก็ว่าได้ แต่ประเทศชิลีกลับเป็นประเทศเดียวที่รอดพ้นจากเหตุการณ์นั้น โดยไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะ ชีลีนั้นมีเทือกเขาแอนดีสกั้นไว้ให้ แต่อย่างไรก็ดี หลายที่จึงได้มีการทาบกิ่งองุ่นขึ้น โดยให้โคนรากองุ่นพันธุ์อเมริกา แต่ลำต้นเป็นองุ่นพันธุ์ยุโรป เพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤตนั้น ซึ่งความย้อนแย้งก็คือ หากอยากได้องุ่นพันธุ์ยุโรปแท้จริงๆ ตอนนี้เหลือแค่ประเทศชิลีเท่านั้น ส่วนประเทศอื่นเป็นพันธุ์ผสมเกือบทั้งหมด และปัจจุบันก็มีการนำพันธุ์องุ่นยุโรปแท้จากชิลี กลับเข้าไปในยุโรปอย่างมากมาย
'
'
การปฏิวัติ
'
แม้ชิลีจะมีประวัติศาสตร์ไวน์อันยาวนาน แต่ส่วนใหญ่มักจะผลิตเพื่อบริโภคในประเทศเท่านั้นไม่ใช่เพื่อส่งออก เพราะในตลาดโลกนั้นมีผู้เล่นที่แข็งแกร่งอย่าง อิตาลี และ ฝรั่งเศส อยู่ซึ่งส่งผลให้รสชาติของไวน์ชิลีนั้นไม่ค่อยดีนัก และคุณภาพก็ไม่พัฒนามากนักอีกด้วย
จนในช่วงปี 1980 เรียกได้ว่าเป็นการพลิกโฉมหน้าไวน์ชิลีเลย มีการปฏิวัติครั้งใหญ่ โดยผู้ผลิตไวน์ยักใหญ่จากทั่วโลกเข้าไปลงทุนในชิลี โดยเป็นการร่วมทุนหรือซื้อไร่องุ่นต่างๆมากมาย จากทั้งอเมริกา ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และแหล่งเงินทุนในประเทศ ดังนั้นเมื่อมีเงินทุนมากขึ้น และเทคนิคที่ดีขึ้น คุณภาพไวน์ของชิลีนั้นจึงเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทันที โดยหากเทียบมูลค่าการส่งออกในปี 1985 นั้นชิลีส่งออกเพียง 10 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ แต่ถัดมากอีกในปี 1998 มูลค่าการส่งออกนั้นกลายเป็น 550 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ หรือเพิ่มมาขึ้นกว่าเดิมถึง 55 เท่าเลยทีเดียว โดยทั่วโลกต่างก็เริ่มให้การยอมรับไวน์ชิลีมากขึ้นเรื่อยๆ จนได้รับฉายาว่า เป็น บอร์โดของอเมริกาใต้เลยทีเดียว ซึ่งเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของไวน์ยุโรปในตลาดโลก
'
ไวน์ระดับโลก
'
หลังจากมีเงินทนจากต่างชาติไหลเข้ามามากมาย แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือเทคนิคการผลิตไวน์ชั้นดีจาก ไวน์เจ้าใหญ่ๆอย่าง โรเบิร์ต มอนดาวี จาก สหรัฐอเมริกา และ ชาโตชื่อดังต่างๆจากบอร์โดก็มาร่วมลงทุนในประเทศชิลี โดยในการร่วมลงทุนครั้งนี้ได้เกิดการ Joint Venture ระหว่างไวน์เจ้าใหญ่ขึ้น ซึ่งได้ให้กำเนิดไวน์ชั้นดีและราคาสูงขึ้นมาถึง 3 ตัว และทั่วโลกต่างก็ยอมรับ คือ
1. Sena (เซนา) ผลิตโดยการร่วมมือกับ โรเบิร์ต มอนดาวี่
2. Montes Alpha M ผลิตโดยบริษัท มอนเตส
และที่ขาดไม่ได้เลยคือ
3. Almaviva ซึ่งผลิตโดยการร่วมทุนจาก Mouton Rothschild นั้นเอง ที่ขายดิบขายดีไปทั่วโลก
'
คุณภาพที่เกินราคา
'
ไวน์ชิลีนั้นขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพที่เกินราคา โดยเฉพาะองุ่นพันธุ์ Carmenere หรือ คาร์เมเนเร ที่เป็นองุ่นชื่อดังของชิลี โดยหากเทียบคุณภาพกับราคาแล้วละก็หากซื้อไวน์ชิลีที่มีราคา 6,000 บาทขึ้นไปแล้วละก็ อาจได้คุณภาพเทียบเท่ากับไวน์มูลค่า 50,000 บาทจากฝรั่งเศสเลยก็เป็นได้ อย่างไรก็ดีหากพูดถึงไวน์ราคาต่ำกว่าพันแล้วละก็ เลือกชีลีไปเลยไม่ผิดหวังอย่างแน่นนอน เพราะไวน์ระดับราคา 800-900 ของชิลีนั้น อาจเทียบได้กับไวน์ราคาประมาณ 1,500 จากบอร์โดเลยก็เป็นได้ เรามาดื่มไวน์ชิลีกันครับ!

Comments (0)

Product added to wishlist
Product added to compare.