- Wit The New Word Lover
- News
- 1 likes
- 5038 views
- 0 comments
Old World VS. New World
"โลกเก่าปะทะโลกใหม่"
หลายท่านคงจะเคยดื่มไวน์มาจากทั้ง 2 ฝั่งไม่ว่าจะเป็นโลกเก่าหรือโลกใหม่ และคงสามารถรับรู้ถึงความแตกต่างของทั้ง2ฝั่งได้เป็นอย่างดี จากตอนที่ผมเขียน Wine 101 ไว้ผมได้เกริ่นเรื่องไวน์โลกใหม่และโลกเก่าไปคร่าวๆ และสัญญาไว้ว่าจะมาเล่าเรื่องความแตกต่างของไวน์โลกเก่าและโลกใหม่ให้อ่านกัน ดังนั้นในวันนี้ผมจึงขอนำมาเล่าให้อ่านกัน
ก่อนอื่นเลยต้องเกริ่นก่อนว่า โลกเก่าและโลกใหม่นั้นคืออะไร โดยจะเป็นการสรุปสั้นๆเท่านั้นอย่างง่ายคือ ไวน์โลกเก่าคือไวน์ที่มีประวัติศาสตร์มาช้านาน เป็นเหล่าประเทศที่ได้มีกรรมวิธีการผลิตไวน์มาตั้งแต่อดีตกาล เก่าสมชื่อจริงๆ โดยประเทศเหล่านั้นล้วนตั้งอยู่ในยุโรปทั้งหมด ดังเช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี เป็นต้น
ส่วนไวน์โลกใหม่นั้นคือแหล่งผลิตไวน์ที่ได้รับขนมธรรมเนียมประเพณี หรือ กรรมวิธีการผลิต มาจากประเทศโลกเก่านั้นเอง โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นการนำองุ่นไปปลูกในช่วงยุคล่าอาณานิคม จึงจะเห็นหลายๆประเทศนั้นมีวิธีการผลิตไวน์คล้ายชาวยุโรปเลย ประเทศเหล่านี้มีมากมาย พูดง่ายๆคือ นอกยุโรปทั้งหมดนั้นเอง ดังๆเช่น สหรัฐอเมริกา ชิลี อาเจนติน่า นิวซีแลนด์ และ ออสเตรเลีย
ทีนี่้หลังจากรู้จักโลกเก่าและโลกใหม่แล้ว เรามาดูความแตกต่างของไวน์พวกเขากันดีกว่า
1.รสชาติและลักษณะของไวน์
ไวน์โลกเก่านั้นจะมี บอดี้ที่เบากว่า แอลกอฮอลล์ที่ต่ำกว่า เปรี้ยวกว่า และไม่ฟรุตตี้เท่าไวน์โลกใหม่ แต่สิ่งที่ได้มาในทางกลับกันคือจะมีรสธรรมชาติหรือเเร่ธาตุเข้ามามากกว่า ดังนั้นหากท่านเพิ่งหัดเริ่มดื่มไวน์แนะนำให้หาไวน์จากโลกใหม่มาลองน่าจะถูกปากชาวไทยมากกว่า เพราะบอดี้เเน่นเต็มปากเต็มคำ มีรสชาติของผลไม้อบอวลในปากมากกว่า และติดหวานนิดๆไม่เปรี้ยว แต่เมื่อดื่มไปสักพักจนเริ่มชินแล้วกลับมาลองไวน์จากโลกเก่าอย่าง Burgundy ของฝรั่งเศสดูแล้วคุณจะติดใจจนลืมไม่ลงเลยแหละ
แน่นอนว่าที่รสชาติของไวน์และลักษณะบอดี้ที่แตกต่างกันนั้นมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศและภูมิภาคอย่างแน่นอน เพราะโลกใหม่นั้นตั้งอยู่คนละ lละติจูด และ ลองติจูด กันกับประเทศในยุโรปเป็นอย่างมาก ขนาดประเทศใกล้ๆกันอย่างฝรั่งเศสและเยอรมันยังทำไวน์ออกมารสชาติไม่เหมือนกันเลย
2.ความหลากหลาย
ขึ้นชื่อว่าโลกเก่าย่อมหมายถึงความเป็นอณุรักษ์นิยมอยู๋แล้ว เมื่อของๆตนดีอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เราจึงมักจะไม่เห็นความหลากหลายของสายพันธุ์องุ่น หรือ วิธีการผลิตใหม่ๆจากประเทศโลกเก่ามากนัก นอกจากนี้หลายประเทศยังมีกฎบังคับอีกด้วยว่า ในเมืองนี้จะปลูกได้เฉพาะองุ่นพันธุ์นี้เท่านั้นเป็นต้น ผมไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีนะครับ เพราะว่าบางครั้งความจำเจมันก็กลายเป็นความคลาดสสิคไปในตัว และในเมื่อมันดีมากๆอยู๋แล้วก็อาจจะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนก็เป็นได้ ส่วนประเทศในแถบโลกใหม่นั้นจะไม่มีกฎเหล่านี้มาครอบให้ปวดหัว พวกเขาจึงได้ลองผิดลองถูกอย่างมากมาย เกิดเป็นองุ่นพันธุ์ใหม่ขึ้นมาบ้าง หรือเอาองุ่นพันธุ์จากโลกเก่ามาเปลี่ยนวิธีเพาะปลูกบ้างทำให้ไวน์นั้นรสชาติดีขึ้นกว่าที่เคยจะเป็นอยู่บ่อยครั้ง และ เรามักจะเห็นว่าแต่ละเจ้านั้นมีไวน์หลากหลายชนิดให้เลือกซื้อกันมากมาย(ดีบ้างไม่ดีบ้างปะปนกันไป)
3.ราคา
แน่นอนอันนี้เป็นปัจจัยสำคัญ และหลายๆท่านคงรู้อยู่แล้วว่าไวน์โลกเก่านั้น มีราคาที่สูงกว่า โลกใหม่เป็นอย่างมาก หากมีเงิน 2 พันบาทแล้วละก็นำไปซื้อไวน์จากโลกเก่าอาจจะได้ตัวฉลาก 2 หรือ ฉลาก3 ของพวกเขา แต่หากซื้อไวน์โลกใหม่มาจะได้ตัวที่เป็นพรีเมี่ยมของพวกเขาเลยก็มี โดยไวน์ชั้นยอดของโลกเก่าอาจจะมีราคาไปถึงหลักแสนบาทเลยก็มี ส่วนไวน์โลกใหม่ระดับ Top Class นั้นยังอยู่ในราคาหลักหมื่นอยู่เท่านั้น
โดยสรุปแล้วโลกเก่าและโลกใหม่นั้นมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร แล้วแต่ละท่านจะชอบแบบไหน หรือถ้ายังไม่เคยลองก็ลองเลยครับ ไม่เสียหายแน่นอนอาจจะติดใจไวน์จากอีกฝั่งก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามความชอบส่วนบุคคลนั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างกันไป แต่หากท่านเป็นคอไวน์แล้วละก็แนะนำให้ลองเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆเข้ามาเพื่อเปิดโลกไวน์ของท่านให้กว้างยิ่งขึ้น และอย่่าลืมนะครับ ที่ไวน์นั้นต้องเป็นขวดที่มีขนาดใหญ่นั้นก็เพราะ การดื่มไวน์ที่สนุกและได้อรรถรสที่สุดคือการดื่มร่วมกับผู้อื่นครับ ความสุขของการดื่มไวน์ไม่ใช่เพียงแค่ไวน์เท่านั้น แต่เป็นที่ผู้คนที่อยู่รอบตัวท่านระหว่างดื่มไวน์นั้นเอง!
คิดถึงไวน์พรีเมี่ยม คุณภาพเยี่ยม ต้อง The Wine List
Comments (0)